ข้อผิดพลาดประเภทนี้ อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ:
- ตัวเข้ารหัสหยุดทำงาน เนื่องจากไดรเวอร์ทำงานไม่ถูกต้อง

ลองปิดใช้งานการเร่งความเร็วทั้งหมดที่ทำเครื่องหมายไว้ ในเมนู [การตั้งค่า]ของ Video Editor — [การกำหนดค่า] — [การเร่งความเร็ว]

เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาดัวกล่าวในอนาคต ให้ตรวจสอบว่า ไดรเวอร์การ์ดจอของคุณเป็นเวอร์ชันล่าสุดหรือไม่

คุณสามารถปฏิบัติตาม คำแนะนำนี้ เพื่ออัปเดตไดรเวอร์ได้
- ตรวจสอบพื้นที่ว่างบนฮาร์ดไดรฟ์ของคุณ หากจำเป็น ให้เปลี่ยนไดรฟ์เอาต์พุต
- หากคุณมีการ์ดจอ 2 ใบ และวิธีการข้างต้นไม่ได้ผล ให้พิจารณาเปลี่ยนเป็นการ์ดฝังตัว เป็นตัวที่เลือก
- โปรดทราบด้วยว่า ไฟล์ทั้งหมดที่เพิ่มลงในโครงการของคุณ ควรอยู่ที่เดียวกับตอนที่คุณเริ่มโครงการ

หากไฟล์ถูกเพิ่มจากไดรฟ์ระยะไกล และไดรฟ์นั้นถูกลบออก จะไม่สามารถบันทึกวิดีโอได้
- ในกรณีที่ผู้ใช้ขั้นปลายปฏิเสธการเปิดใช้งาน Codec จะไม่สามารถส่งออกวิดีโอในรูปแบบบางรูปแบบได้
- โปรดทราบว่า หากใช้การทำให้มีความเสถียรกับวิดีโอของคุณ บางครั้งอาจไม่มีทรัพยากรเพียงพอที่จะเรนเดอร์เอาต์พุต

ดังนั้น หากคุณมีวิดีโอที่ปรับเสถียรภาพแล้ว แต่ไม่สามารถส่งออกได้ และวิธีการข้างต้นไม่ได้ช่วยอะไร กรุณาลองตัดเฟรมสุดท้ายของส่วนนั้นออก ด้วยการทำให้มีความเสถียร
- หากคุณมีระบบปฏิบัติการ 32 บิต แต่โครงการของคุณมีวิดีโอ ไตเติ้ล และการเปลี่ยนผ่านจำนวนมาก เราขอแนะนำให้แบ่งโครงการออกเป็นหลายส่วน แล้วลองส่งออกทีละส่วน การส่งออกแบบบางส่วนมีการอธิบายไว้ ในหน้านี้
- โครงการมีขนาดใหญ่เกินไป และต้องการทรัพยากรมากเกินไป ลองบันทึกเป็นคุณภาพแบบร่าง แล้วดูว่า ปัญหายังคงอยู่หรือไม่
ในกรณีที่ปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข และคุณได้ตรวจสอบตัวเลือกทั้งหมดข้างต้นแล้ว กรุณาติดต่อทีมสนับสนุนของเรา

กรุณาตรวจสอบให้แน่ใจว่า รูปแบบไฟล์สื่อของคุณได้รับการรองรับใน Video Editor — คุณสามารถตรวจสอบได้ใน รายการรูปแบบที่รองรับ

หากคุณใช้ Movavi Video Editor เวอร์ชัน SE (ตรวจสอบชื่อโปรแกรมเต็ม เพื่อดูเวอร์ชันที่คุณใช้) โปรดทราบว่า จะรองรับเฉพาะรูปแบบบางรูปแบบเท่านั้น ในเวอร์ชัน SE, Academic หรือ Drone

ใน Movavi Video Editor เวอร์ชัน 10 และเวอร์ชันก่อนหน้า รองรับเฉพาะรูปแบบ AVI, WMV, MOV; OGG, WAV, FLAC, APE และ WMA เท่านั้น

ในเวอร์ชันหลังๆ นี้ มีการเพิ่มการรองรับ AAC, MKV (เฉพาะ H.264 ที่มี Codec AAC)

หากข้อมูลข้างต้นไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาของคุณได้ กรุณาดู บทความนี้

ก่อนอื่น คุณต้องตรวจสอบชื่อและผู้ผลิตอะแดปเตอร์กราฟิกของคุณ

โปรดทราบว่า แล็ปท็อปบางเครื่องอาจมีไดรเวอร์ที่กำหนดเอง ดังนั้น คุณอาจต้องการตรวจสอบเว็บไซต์ของผู้ผลิต เพื่อดูแหล่งที่มาของไดรเวอร์ล่าสุดที่มี

ในกรณีอื่นทั้งหมด การระบุรุ่นการ์ดและไดรเวอร์ อาจทำได้ที่ Device Manager

หากต้องการเปิดใช้งาน ให้เปิดเมนูสตาร์ต แล้วพิมพ์ Device Manager หรืออีกทางหนึ่ง คุณสามารถกดปุ่ม Windows+R แล้วพิมพ์ 'devmgmt.msc' ลงไปก็ได้


จะพบชื่อของอะแดปเตอร์กราฟิกของคุณได้ ในหมวดหมู่อะแดปเตอร์แสดงผล

เมื่อคุณทราบชื่ออะแดปเตอร์กราฟิกของคุณแล้ว คุณก็สามารถค้นหาไดรเวอร์ที่เหมาะสมได้

ซึ่งสามารถทำได้ ที่เว็บไซต์ของผู้ผลิตแต่ละราย:
- เว็บไซต์ Intel
- เว็บไซต์ nVidia
- เว็บไซต์ AMD

ใช้เครื่องมือเลือกหรือกล่องค้นหา เพื่อค้นหาไดร์เวอร์ล่าสุด สำหรับอะแดปเตอร์ของคุณ

ผู้ผลิตทั้งหมดเหล่านี้ ยังนำเสนอโปรแกรมยูทิลิตี้สำหรับการตรวจจับและดาวน์โหลดไดรเวอร์อัตโนมัติด้วย

หลังจากที่คุณดาวน์โหลดและติดตั้งไดร์เวอร์ล่าสุดแล้ว คุณอาจจำเป็นต้องรีบูตพีซีของคุณ

หากปัญหายังคงมีอยู่ ฮาร์ดแวร์กราฟิกของคุณอาจไม่รองรับ OpenGL เวอร์ชันที่จำเป็น กรุณาดู บทความนี้

วิดีโอ 4K มีข้อมูลมากกว่าวิดีโอมาตรฐาน HD หรือ Full HD ซึ่งสะดวกกว่าในกรณีที่คุณต้องครอบตัดวิดีโอที่ได้ หรือทำให้วิดีโอเสถียรในภายหลัง โดยไม่สูญเสียข้อมูลมากเกินไป การย่อขนาดวิดีโอ 4K เป็น Full HD ยังให้ภาพที่คมชัดกว่าอีกด้วย

ปัจจุบันกล้อง GoPro และอุปกรณ์มือถือรุ่นล่าสุด สามารถถ่ายวิดีโอแบบ 4K ได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม วิดีโอดังกล่าวยังมีความต้องการการประมวลผลจากพีซีของคุณสูงกว่า เนื่องจากมีบิตเรตสูงขึ้น และเพิ่มภาระให้กับคอมพิวเตอร์ของคุณ

*Movavi Video Editor มีคุณลักษณะที่เรียกว่า HD Clip Optimization (เหมือนการตัดต่อพร็อกซี่) ซึ่งช่วยให้โปรแกรมสามารถสร้างวิดีโอขนาดเล็ก และทำงานกับวิดีโอเหล่านั้นแทนต้นฉบับได้

ความต้องการ:
- ควรเป็นโพรเซสเซอร์อย่างน้อย 4 คอร์ - CPU Intel เจน 6 ขึ้นไป หรือ AMD ที่เทียบเท่า เช่น โพรเซสเซอร์ Ryzen รุ่นที่ 5 หรือรุ่นที่ 7
- RAM ขั้นต่ำ 16 GB สำหรับวิดีโอ 4K
- การ์ดแสดงผลต้องมีหน่วยความจำอย่างน้อย 4 GB, Nvidia GTX 1650 ขึ้นไป ควรเป็นรุ่นใหม่ๆ เช่น Nvidia RTX 2060 หรือ 3060, AMD Radeon R5 หรือใหม่กว่า

การปรับแต่งเพิ่มเติมที่อาจช่วยได้:
1. อัปเดตไดร์เวอร์การ์ดจอของคุณ
2. หากคุณกำลังตัดต่อบนแล็ปท็อป ตรวจสอบให้แน่ใจว่า เสียบปลั๊กอยู่
3. คัดลอกวิดีโอ 4K ของคุณไปยัง SSD ภายใน เพื่อการประมวลผลที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
4. ตัดการเชื่อมต่อจอแสดงผลภายนอกอื่นๆ
5. หากคุณมีการ์ดแสดงผลสองใบ คุณสามารถลองสลับระหว่างกันได้

วิดีโอ 4K มักจะบันทึกด้วย Codec H265 ซึ่งไม่รองรับใน Movavi ตรวจสอบให้แน่ใจว่า วิดีโอของคุณได้รับการบันทึกหรือแปลงเป็น Codec H264 หรือไม่

ณ ขณะนี้ซอฟต์แวร์ของเราไม่รองรับ H.265 โดยตรง

หากคุณไม่มี Windows 8, 7 หรือไม่มีตัวเลือกในการติดตั้งส่วนขยาย H.265 จาก Microsoft คุณสามารถใช้ VLC เพื่อแปลงไฟล์วิดีโอเป็น H.264 ได้

VLC เป็นแอปพลิเคชันโอเพนซอร์ซฟรี และมีคุณลักษณะในการ 'แปลง' ไฟล์

คุณจะต้องทำสิ่งต่อไปนี้:
1. ติดตั้ง VLC: https://www.videolan.org/vlc/
2. เมื่อติดตั้งแล้ว ให้เปิด VLC โดยเลือกในรายการโปรแกรมที่ติดตั้ง/ในเมนู Start กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ไม่ต้องเปิดไฟล์สื่อด้วยโปรแกรมนี้
3. ดำเนินการต่อไปยัง สื่อ -> แปลง/บันทึก
4. คลิกปุ่ม +เพิ่ม แล้วเลือกไฟล์ HEVC ของคุณ
5. คลิก แปลง/บันทึก -> แปลง
6. ที่เมนูนี้ เลือก โปรไฟล์ -> วิดีโอ - H.264 + MP3 (MP4)
7. คลิกที่ปุ่ม เรียกดู ใส่ชื่อที่ต้องการสำหรับไฟล์ใหม่ ในหน้าต่างที่ปรากฏขึ้น (จะต้องแตกต่างจาก ชื่อไฟล์ต้นฉบับของคุณ) จากนั้นคลิก บันทึก แล้วคลิก เริ่ม

หลังจากนั้น กระบวนการแปลงจะเริ่มต้นขึ้น และจะแสดงความคืบหน้าเป็นแถบสีน้ำเงินในเครื่องเล่นสื่อ

เมื่อดูด้วยสายตา อาจดูเหมือนว่า ไฟล์ที่แปลงแล้วจะพร้อมทันที แต่ขั้นตอนนี้อาจใช้เวลานานพอสมควร (ขึ้นอยู่กับระยะเวลาของวิดีโอของคุณ) ดังนั้นกรุณารอจนกว่ากระบวนการจะเสร็จสมบูรณ์

เมื่อการแปลงเสร็จสิ้นแล้ว สามารถนำไฟล์ดังกล่าวไปใช้งานในซอฟต์แวร์ Movavi ได้ นอกจากนี้ คุณยังสามารถอ่านเพิ่มเติม เกี่ยวกับทางเลือกอื่นๆ ได้ ที่นี่

Movavi Video Editor ขัดข้องพร้อมข้อผิดพลาด Windows ทุกครั้งที่ฉันพยายามเรียกใช้
1. ลองอัปเดตไดรเวอร์การ์ดจอของคุณ ตาม วิธีการนี้ โปรดทราบว่า คุณอาจต้องรีบูตพีซี เพื่อใช้การเปลี่ยนแปลง
2. ติดตั้งโปรแกรมใหม่อีกครั้ง โดยใช้ คำแนะนำนี้
3. หากปัญหายังคงอยู่ กรุณาติดต่อทีมสนับสนุนของเรา

ทีมสนับสนุนของเราอาจขอไฟล์บันทึกล็อก เพื่อระบุปัญหา

ไฟล์บันทึกล็อกจะประกอบด้วยคำอธิบายของการกระทำที่ดำเนินการโดยแอปพลิเคชัน และข้อมูลจำเพาะทางเทคนิคของเครื่องของคุณ (รุ่นโพรเซสเซอร์ การ์ดจอ เวอร์ชันไดรเวอร์)

จะไม่มีข้อมูลระบุตัวตนใดๆ

คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีสร้างไฟล์บันทึกล็อก สามารถพบได้ใน บทความ ต่อไปนี้

โปรดทราบว่า ผลิตภัณฑ์ Movavi ไม่รองรับ Codec H.265/HEVC โดยค่าเริ่มต้น คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติม เกี่ยวกับการเข้ารหัส HEVC ได้ที่ พอร์ทัลการเรียนรู้ของเรา
- คุณควรสามารถใช้ Codec นี้ได้ หากคุณใช้ Windows 10 หลังจากติดตั้ง โปรแกรมยูทิลิตี้นี้จาก Microsoft
- คุณยังสามารถลองใช้ เครื่องมือแปลงวิดีโอออนไลน์ของเรา ได้อีกด้วย ซึ่งฟรีสำหรับไฟล์ขนาดไม่เกิน 100 Mb
- หรืออีกทางเลือกหนึ่ง คุณยังสามารถใช้ VLC เพื่อแปลงไฟล์ H.265 เป็น H.264 ได้อีกด้วย คลิกที่นี่ เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม

หากคุณใช้ไฟล์จากโทรศัพท์ของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนรูปแบบของการบันทึกในอนาคตของคุณได้

สำหรับ iPhones:
เปิด การตั้งค่า > กล้อง > รูปแบบ
ภายใต้ การจับภาพด้วยกล้อง คุณมีสองตัวเลือก: ประสิทธิภาพสูง หรือ เข้ากันได้มากที่สุด เปลี่ยนการตั้งค่าเป็น เข้ากันได้มากที่สุด โปรแกรมจะบันทึกวิดีโอของคุณในรูปแบบ MP4 ด้วย Codec H.264

สำหรับโทรศัพท์ระบบปฏิบัติการ Android:
เปิดกล้อง แตะ การตั้งค่า>วิดีโอ>การกำหนดค่า
เลือกตัวเลือกการเข้ารหัสวิดีโอ
เปลี่ยนการเข้ารหัสเป็น เข้ากันได้มากที่สุด โปรแกรมจะบันทึกวิดีโอของคุณในรูปแบบ MP4 ด้วย Codec H.264

คุณสามารถส่งออกโครงการของคุณที่สร้างใน Movavi Video Editor หรือ Movavi Video Editor Plus ได้ หากคุณซื้อ Movavi Video Suite เนื่องจากอย่างหลังมี Movavi Video Editor เป็นโมดูลตัดต่อรวมอยู่ด้วย

นอกจากนี้ Video Editor หรือ Video Suite เวอร์ชันที่ใหม่กว่า ควรเปิดโครงการที่สร้างด้วยเวอร์ชันก่อนหน้าได้ (แต่ไม่ใช่ในทางกลับกัน)

ในขณะที่โครงการที่สร้างในเวอร์ชัน/ผลิตภัณฑ์อื่นๆ จะไม่ปรากฏใน[โครงการล่าสุด] คุณยังคงสามารถเปิดด้วยตนเองได้ ผ่าน เมนู[ไฟล์] -> [เปิดโครงการ]

หากต้องการส่งออกโครงการของคุณใน Movavi Video Suite กรุณาเปิดโปรแกรม แล้วเปิดโมดูล[ตัดต่อวิดีโอ]

จากนั้น กรุณาไปที่ เมนู[ไฟล์] -> [เปิดโครงการ] แล้วหาโครงการของคุณในคอมพิวเตอร์

โดยค่าเริ่มต้น โครงการของ Movavi Video Editor จะถูกเก็บไว้ใน
C:\Users\%username%\Videos\Movavi Video Editor\Projects

ในกรณีที่มีปัญหาใดๆ เกี่ยวกับ PR กรุณา ติดต่อเรา เพื่อให้เราสามารถตรวจสอบปัญหาดังกล่าวต่อไป

หากต้องการย้ายซอฟต์แวร์จากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง คุณต้องคัดลอกไฟล์ติดตั้ง เรียกใช้ในคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น แล้วลงทะเบียนโปรแกรมอีกครั้ง

หากต้องการรับข้อมูลการเปิดใช้งานส่วนตัวของคุณ กรุณาไปที่ ลิงก์นี้

นอกจากนี้ คุณยังสามารถติดต่อทีมสนับสนุนของเรา และให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกต้องและครบถ้วน ที่คุณใช้ในการสั่งซื้อ ได้แก่ อีเมลที่ชัดเจน นามสกุล ชื่อ หมายเลขคำสั่งซื้อ

โปรดทราบว่า หากคุณไม่ได้ซื้อผ่าน Movavi Store คุณอาจต้องการติดต่อร้านค้าที่คุณซื้อโดยตรง

หากซื้อผ่าน Amazon กรุณาตรวจสอบ ไลบรารีเกมและซอฟต์แวร์ ของคุณ

เนื่องจากผลิตภัณฑ์ Movavi ทั้งหมด มีการให้ใบอนุญาตในการงานแบบต่อคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่อง ไม่ใช่ต่อผู้ใช้งาน ต่อเว็บไซต์ หรือต่อบริษัท คุณจึงควรลบโปรแกรมออกจากคอมพิวเตอร์เครื่องเดิม

การได้ใบอนุญาตจะทำให้คุณมีสิทธิ์ในการติดตั้งใหม่ หรือย้ายผลิตภัณฑ์จากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง ได้หลายครั้งเท่าที่คุณต้องการ โดยต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของระบบเดิมของโปรแกรม

กรุณาตรวจสอบอีกครั้งว่า ไฟล์แอปไม่ได้ถูกเปิดขึ้นสองครั้ง คุณสามารถเลือกตัวเลือก 'รีสตาร์ตแอปพลิเคชัน' ได้

ลองรีสตาร์ตเครื่องของคุณ

หากวิธีนี้ไม่ได้ผล อาจเป็นไปได้ว่า โมดูลบันทึกหน้าจอของ Video Suite เริ่มทำงานพร้อมกับ Windows

ตัวเลือกดังกล่าวมีให้เลือกใช้ในการตั้งค่าโปรแกรม และโมดูลนี้จะอยู่ในพื้นที่ที่ซ่อนอยู่ในถาดระบบ

คุณสามารถพบ โมดูลนี้ ได้ คลิก แสดง แล้วปิด

หากคุณไม่พบไอคอนในถาดระบบ กรุณาเปิดตัวจัดการงาน (CTRL+ALT+DELETE) เลือกแท็บกระบวนการ ค้นหาโปรแกรม Movavi แล้วหยุดกระบวนการ

หลังจากนั้น กรุณาลองติดตั้งเวอร์ชันอัปเดตของแอปพลิเคชันอีกครั้ง

หากคุณต้องการหยุดไม่ให้โปรแกรมเริ่มต้นอัตโนมัติพร้อมกับ Windows กรุณาปิดใช้งานตัวเลือกนี้ ใน การตั้งค่าเมนูของ [Screen Recorder] - [การกำหนดค่า] - [ทั่วไป]

บทความนี้เป็นสำเนาของ คู่มือการใช้งานของ Movavi Video Converter

1. คลิกแก้ไข ที่อยู่ถัดจากไฟล์ของคุณ แล้วไปที่แท็บคำบรรยาย

2. เลือกคำบรรยาย

คุณสามารถเลือกคำบรรยายแบบซอฟต์หรือฮาร์ดได้:

• ซอฟต์ซับจะถูกจัดเก็บเป็นแทร็กแยกกัน และคุณสามารถเพิ่มแทร็กคำบรรยายหลายแทร็กลงในไฟล์เดียวได้ แทร็กคำบรรยายทั้งหมดจะถูกบันทึกไว้ หากคุณเลือกตัวเลือกนี้

หมายเหตุ: ไม่ใช่ทุกรูปแบบที่รองรับซอฟต์ซับ นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกการแก้ไขน้อยกว่า: คุณไม่สามารถเปลี่ยนตำแหน่งและซิงโครไนซ์กับวิดีโอได้ อีกทั้งยังไม่แสดงในหน้าต่างแสดงตัวอย่างด้วย

• ฮาร์ดซับจะถูกวาดไว้ด้านบนของวิดีโออย่างถาวร และไม่สามารถปิดได้ แต่รับประกันว่า จะมองเห็นได้ในเครื่องเล่นใดก็ตาม

หากคำบรรยายถูกสร้างไว้ในไฟล์แล้ว ให้เลือกคำบรรยายที่ต้องการจากรายการ
หากคำบรรยายถูกจัดเก็บเป็นไฟล์ภายนอก ให้คลิก เพิ่ม > เลือกไฟล์... แล้วเปิดไฟล์คำบรรยาย คุณสามารถใช้ไฟล์คำบรรยาย *.srt, *.ass, *.smi หรือ *.ssa ได้ หรือคุณจะ ค้นหาทางออนไลน์ ก็ได้

3. ตั้งค่าคำบรรยาย:

• การเข้ารหัสคำบรรยาย

หากข้อความคำบรรยายดูเบียดเสียด ให้ลองเปลี่ยนการเข้ารหัสคำบรรยาย: เปิดรายการ แล้วเลือกภาษาหรือชุดอักขระที่คำบรรยายควรเป็น

• ตำแหน่ง

ใช้กล่องตำแหน่ง เพื่อเปลี่ยนตำแหน่งที่คำบรรยายจะปรากฏบนหน้าจอ:
1) เปิดกล่องตำแหน่ง แล้วเลือกขอบที่คำบรรยายควรชิด (เช่น ด้านบนหรือด้านล่าง)
2) ใช้แถบเลื่อนด้านล่าง เพื่อย้ายคำบรรยายโดยสัมพันธ์กับตำแหน่งที่เลือก

• การซิงโครไนซ์

หากคำบรรยายไม่ซิงโครไนซ์กับวิดีโอ ให้ใช้กล่องการซิงโครไนซ์ เพื่อเลื่อนคำบรรยายไปข้างหน้าหรือข้างหลัง ตามเวลาที่กำหนดเป็นวินาทีและมิลลิวินาที ค่าบวกจะทำให้คำบรรยายปรากฏช้าลง และค่าลบจะทำให้ปรากฏเร็วขึ้น
ตัวอย่าง:
-0.100 – คำบรรยายจะปรากฏเร็วขึ้น 100 มิลลิวินาที
1.200 – คำบรรยายจะปรากฏ 1 วินาที 200 มิลลิวินาทีต่อมา

4. แก้ไขการแสดงคำบรรยาย
คุณยังสามารถเปลี่ยนฟอนต์ ขนาด สี การเติมสี และโครงร่างได้อีกด้วย พบการตั้งค่าเหล่านี้ภายใต้แทร็กคำบรรยายที่เลือก

5. คลิก นำไปใช้ จากนั้นบันทึกและปิด เพื่อใช้การเปลี่ยนแปลง เมื่อคุณแปลงวิดีโอ คำบรรยายที่เลือกจะแสดงทับวิดีโออย่างถาวร

Movavi Screen Recorder ใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Audio Capture Engine (ACE) สำหรับการบันทึกเสียงระบบบน MacOS ในขณะนี้ เครื่องมือดังกล่าวใช้งานได้กับ Movavi Screen Recorder เวอร์ชัน 23.1.0 และใหม่กว่า ใน macOS 13 Ventura เท่านั้น

เพื่อที่จะติดตั้ง — เปิดเมนู Movavi Screen Recorder ของคุณ → [ตรวจสอบอัปเดต] แล้วอัปเดตโปรแกรมเป็นเวอร์ชันล่าสุด

หลังจากติดตั้งแล้ว ขั้นตอนการติดตั้งจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับโพรเซสเซอร์ระบบปฏิบัติการของคุณ

ไปที่เมนู Apple → เกี่ยวกับ Mac เครื่องนี้ เพื่อค้นหาว่า อุปกรณ์ของคุณใช้โพรเซสเซอร์ใด

เมื่อคุณเห็นในข้อมูลระบบว่า คุณกำลังใช้โพรเซสเซอร์ Intel หรือชิป M1 หรือ M2 ของ Apple ให้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้:

1) เปิด Movavi Screen Recorder ไปที่ '[ติดตั้ง ACE]'

2) ใส่รหัสผ่านของคุณ จากนั้นไปที่ การตั้งค่าระบบ → ทั่วไป → รายการเข้าสู่ระบบ

3) ตรวจสอบให้แน่ใจว่า มีการอนุญาต ACE ใน รายการเข้าสู่ระบบ

4) คลิกเมนู 'ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย' ในการตั้งค่าระบบของคุณ และเลื่อนลงไปที่ความเป็นส่วนตัว แล้วคลิก 'เปิดใช้งานส่วนขยายระบบ'
— หากคุณใช้โพรเซสเซอร์ Intel ก็เพียงใส่รหัสผ่านของคุณ จากนั้นเลือก 'รีสตาร์ต' แล้วคุณก็จะพร้อมใช้งาน
— หากคุณใช้โพรเซสเซอร์ M1 ข้อความต่อไปนี้ จะปรากฏขึ้น

5) เลือก 'ปิดเครื่อง' รอจนกว่าหน้าจอจะมืดลง

6) กดปุ่ม Touch ID หรือปุ่มเปิด/ปิดค้างไว้ 10 วินาที จนกระทั่งคุณสามารถเห็นข้อความ 'กำลังโหลดตัวเลือกการเริ่มต้น…' ใต้โลโก้การเริ่มต้นของ Apple ให้หยุดกดปุ่มเปิด/ปิดเครื่องหรือปุ่ม Touch ID หลังจากนั้น

7) ในโปรแกรมยูทิลิตี้ที่ปรากฏขึ้น เลือก 'ตัวเลือก'

8) เลือกโปรไฟล์ผู้ใช้งานของคุณ ใส่รหัสผ่าน

9) เมื่อแถบเมนูปรากฏขึ้นที่มุมซ้ายบน เลือก 'โปรแกรมยูทิลิตี้' → โปรแกรมยูทิลิตี้รักษาความปลอดภัยการเริ่มต้น'

10) เลือก 'ปลดล็อก' ภายใต้ตัวเลือก Macintosh HD Encrypted Disk ของคุณ แล้วใส่รหัสผ่านของคุณอีกครั้ง

11) ปุ่ม 'ปลดล็อก' จะกลายเป็น 'นโยบายความปลอดภัย' - คลิกไป และในป๊อปอัปที่ปรากฏขึ้น เปลี่ยนตัวเลือกเป็น 'ความปลอดภัยที่ลดลง' แล้วเปิดใช้งานตัวเลือกย่อยแรก

12) คลิก ตกลง อนุมัติการเปลี่ยนแปลง แล้วรีสตาร์ต Mac อีกครั้ง

13) เมื่อรีสตาร์ตแล้ว กลับไปที่ การตั้งค่าระบบ → ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย แล้วอนุญาตให้ติดตั้งส่วนขยาย

14) ใส่รหัสผ่านของคุณเพื่อยืนยัน แล้วคลิก 'รีสตาร์ต' เมื่อเสร็จสิ้น


หมายเหตุเกี่ยวกับ 'ความปลอดภัยที่ลดลง' บน Apple Silicon

การตั้งค่า "ความปลอดภัยที่ลดลง" ยังคงมอบความปลอดภัยอันทรงพลังให้กับ Mac ของคุณ โดยอนุญาตให้ทำงานได้เฉพาะระบบปฏิบัติการที่ได้รับอนุมัติจาก Apple เท่านั้น

ACE เป็นปลั๊กอินเสียงมาตรฐาน ไม่ใช่ส่วนขยายเคอร์เนล อย่างไรก็ตาม เนื่องจากได้รับสิทธิพิเศษขั้นสูงในการเข้าถึงเสียงของระบบ Apple จึงใช้ระบบตรวจสอบส่วนขยายเคอร์เนลที่มีอยู่ เพื่อให้ ACE โหลดบน MacOS 11 ขึ้นไปได้

หากคุณประสบปัญหาใดๆ ที่จุดใดก็ตามของการติดตั้ง กรุณาติดต่อทีมสนับสนุนของเราโดยตรง: https://movavi.freshdesk.com/th/support/tickets/new